เศร้า! นักศึกษาพิการขาลีบกินยาล้างห้องน้ำก่อนกระโดดตึกจบชีวิต

  น. ร.ต.อ.พศวัต จันทร์ดุ้ง รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเลย จ.เลย ได้รับแจ้งมีคนโดดตึกฆ่าตัวตาย ภายในอาคาร 5 ชั้น ที่พักบุคลากร มหาวิทยาลัยราชภัฎเลย เมื่อรับแจ้งได้รายงานให้ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก. ทราบ ประสานไปยัง จนท.พฐ.จว.เลย กู้ภัยเลย เดินทางไปที่เกิดเหตุ ข่าวศิลปิน

พบเป็นอาคาร 5 ชั้น ที่ชั้นล่างหน้าประตูทางเข้าอาคาร พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย ขาลีบพิการทั้ง 2 ข้าง นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้นสีเทา ทราบชื่อนายอัจฉริยะ อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษาปี 2

ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนได้ติดต่อไปทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิต จนมาที่เกิดเหตุสภาพเศร้าโศกเสียใจ เปิดผ้าคลุมร่างของลูกชายและร้องไห้ โดยพ่อแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิตของลูกชาย กู้ภัยฯ นำร่างส่งชันสูตรพลิกศพที่ รพ.เลย

จากนั้น พงส. พร้อม พฐ.จว.เลย ขึ้นไปที่ชั้น 5 ห้องพักของผู้เสียชีวิต พบภายในห้องมีน้ำยาล้างห้องน้ำเปิดฝาอยู่ แต่ไม่มีน้ำยา และที่บริเวณหน้าห้องพบกองอาเจียนอยู่ และพบว่ากล้องวงจรสามารถจับภาพผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นคนพิการขาลีบทั้งสองข้าง คลานออกมาจากห้องมาที่ระเบียงห่างออกไปกว่า 1 เมตร จากนั้นพยายามปีนระเบียงไม่ได้ และพักสักครู่ จากนั้นพยายามปีนระเบียงอีกครั้ง จนขึ้นไปนั่งคร่อมและโดดลงจากตึกชั้น 5 ลงกระแทกพื้นจนเสียชีวิต จึงรีบลงมาดู

จากการสอบถาม นายชัยวิชิต อายุ 45 ปี อาจารย์ที่พักอยู่ในอาคารชั้นเดียวกับผู้ตาย เล่าว่า ในช่วงเวลา 5 ทุ่ม ได้ยินดังเหมือนมีอะไรที่กระแทกกับขอบฝาผนัง ก็ไม่ได้สนใจนึกว่าเป็นเสียงลมพายุกระแทกประตู จนมีน้องกลับมาจากข้างนอก พบน้องนอนเสียชีวิตหน้าประตูด้านล่างของอาคารลานจอดรถ

ส่วน นางสาววารุณี อายุ 36 ปี เล่าว่า ไปกินข้าวข้างนอกมา มาจอดรถ จยย. ทางขึ้นลิฟท์ แล้วเดินมาเจอน้องนอนอยู่ คิดว่าเป็นคนเมา เดินกลับไปหาแฟนเพื่อให้ช่วยพยุงตัวขึ้นมา พอมาเจอเห็นเลือดตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ว่าจะโทรหาใครก่อน ตัดสินใจโทรหาพี่ที่พักอยู่ในอาคารช่วยแจ้งตำรวจ

หนุ่มใหญ่ฆ่าปาดคอเมีย และผูกคอตาคาห้องขัง สภ.น้ำพอง

 นายวันนา อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธมีดปาดคอนางตุ๋ม อายุ 57 ปี จนได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจจับกุมตัวได้เมื่อวานนี้ โดยตำรวจจับกุมตัวนายวันนา ได้บนถนนสายบ้านหินกอง บ้านด้วง ต.น้ำพอง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

พ.ต.อ.พรศักดิ์ งามดี ผกก.สภ.น้ำพอง เปิดเผยว่า เมื่อคืนเวลาประมาณ 22.00 น. นายวันดา ได้อยู่ภายในห้องขังเพียงคนเดียว โดยมีสิบเวรเข้าเวรตามปกติโดยก่อนจนกระทั่งได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักนานกว่า 1 ชั่วโมง เมื่อฝนหยุดสิบเวรสังเกตเห็นนายวันดาผู้ต้องหานั่งพิงห้องขัง เมื่อเดินเข้าไปดูพบว่า ได้เสียชีวิตโดยมีเชือกรัดที่บริเวณคอกับกรงขัง

เมื่อตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าเวลาประมาณ 21.00 น. นายวันดาได้เดินเข้าห้องน้ำก่อนที่จะถอดสายรัดเอว ของสวมใส่กางเกงบ็อกเซอร์ออกมา แล้วนำมาผู้คอฆ่าตัวตายหนีความผิด จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาแล้วเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป เบื้องต้น ตำรวจที่เข้าเวร 3 นาย ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

ส่วนเหตุการณ์และรายละเอียดที่เกิดขึ้นในห้องควบคุมนั้น สภ.น้ำพอง มีกล้องวงจรปิดในห้องควบคุมสองตัว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดจากกล้องวงจรปิด ตั้งแต่นำตัวเข้าห้องควบคุม จนถึงผูกคอตาย

แต่ในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ต้องหาใส่กางเกง 2 ตัว คือใส่กางเกงขาสั้นสีเทา และสวมทับด้วยกางเกงยีนส์ขายาว โดยผู้ต้องหาถอดกางเกงขาสั้นออกแล้วใส่เพียงกางเกงยีนส์ขายาวตัวเดียว แล้วเอากางเกงขาสั้นผูกกับลูกกรง เอาเชือกผูกคอตัวเองตายดังกล่าว 

ด้าน นายณัฐพงศ์ อายุ 30 ปี หลานชายของนางตุ๋ม ที่ถูกปาดคอ กล่าวว่า ฝ่ายครอบครัวนางตุ๋ม ทราบเรื่องจากตำรวจโทรศัพท์มาแจ้ง ในช่วงห้าทุ่มคืนที่ผ่านมาว่า นายวันนา ผูกคอตายในห้องขังแล้ว แต่ตำรวจก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าอย่างไรบ้าง เมื่อทราบเรื่องจึงได้ไปบอกกับนางตุ๋ม

ซึ่งนางตุ๋มก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่พูดว่า เสียดายเงินที่ถูกคนตายขโมยไป และเมื่อนายวันนาตายแล้ว ครอบครัวญาติพี่น้องก็ขออโหสิกรรมให้ ถือว่าจบสิ้นเวรกรรมต่อกัน จากนี้ก็จะไปรับศพคนตายมาบำเพ็ญกุศลที่วัดสีลาขันธ์ บ้านหนองกองใหญ่ ต่อไป

สลด! เจ้าของบ้านถูกไฟคลอก ดับคากองเพลิง จ.อุบลราชธานี

 บ้านหลังหนึ่งในหมู่ 14 ต.ดอนจิก อ.พิบูลมังสาหาร ที่กำลังไฟไหม้ เมื่อเวลา 21.00 น. วันพฤหัสบดี (26 พ.ค.) พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจีตัมเกาะ จุด อ.พิบูลมังสาหาร, กู้ชีพ 1669 ต.ดอนจิก และรถดับเพลิงของเทศบาลตำบลกุดชมพูด และเทศบาลเมืองพิบูลมังสาหาร ข่าวประจำวัน

บ้านหลังที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ห่างจากตัวหมู่บ้าน 1.5 กิโลเมตร พบว่ามีไฟไหม้ทั้งหลัง และภายหลังพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ในสภาพไหม้เป็นตอตะโก

ต่อมาทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายไชยา พุ่มจันทร์ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว

ญาติผู้เสียชีวิตให้การว่า ผู้เสียชีวิตนั้นได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังเกิดเหตุเพียงลำพังคนเดียว และป่วยเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองตีบ แต่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้เพราะถูกตัดมานานแล้ว ผู้ตายเคยบ่นกับญาติว่าไม่อยากให้ใครมาลำบากที่จะต้องมาดูแลตนเอง และว่าจะเผาตัวเองไปพร้อมกับบ้าน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิบูลมังสาหาร จะแจ้งเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอุบลราชธานีเข้ามาตรวจสอบอีกครั้งเพื่อหาข้อเท็จจริงของเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป

ไปต่อไม่ไหว "ทนายเดชา" เลิกเป็นทนายคดีแตงโมแล้ว

 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ แตงโม ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ แถลงข่าวว่า คุณแม่ยอมรับว่าส่งโทรศัพท์มือถือของลูกสาวให้บังแจ็คจริง โดยส่งไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางไปรษณีย์ โดยยอมรับว่าบังแจ็คติดต่อกับคุณแม่มานานจนสนิทสนมกัน  พร้อมโน้มน้าวให้คุณแม่เชื่อว่า จะสามารถกู้ภาพในโทรศัพท์ของแตงโมเพื่อไขคดีได้ ก่อนที่บังแจ็คจะออกมายอมรับว่า ตนคือมือปริศนาที่โพสต์ภาพและข้อมูลแตงโมในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของแตงโม ดูหนังซับไทย

โดยก่อนหน้านี้มีรายงานว่า วันนี้ทนายเดชาจะพาคุณแม่แตงโม เข้าพบผู้บังคับการตำรวจไซเบอร์ กรณีส่งมือถือแตงโมให้บังแจ็คที่กองบัญชาการ สอท. ในเวลา 15.00 น. แต่ล่าสุดทนายเดชาโพสต์ข้อความแจ้งข่าวช็อกระบุว่า 

"เรียนสื่อมวลชน ผมและคุณแม่แตงโมได้ตกลงกัน เกี่ยวกับคดีแตงโม โดยผมขอถอนตัวจากการเป็นทนายความ เนื่องจากมีความเห็นทางคดีไม่ตรงกัน แต่เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม"

ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกันกับที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ เต้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า

"แจ้ง ผบช.ไซเบอร์ วันนี้ คุณแม่แตงโม ไม่สะดวก ถ้าสะดวกแล้วจะแจ้งไป ตอนนี้คุณแม่แตงโม มอบให้ ฝ่ายกฏหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ ดูแลคดีแตงโม และ ทุกคดีที่เกี่ยวทั้งหมดต่อไป"

เอาอีกแล้ว กราดยิงเด็กประถมที่รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา

 เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนกราดยิงในโรงเรียน Robb Elementary School ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาในเมืองยูวัลดี (Uvalde) รัฐเท็กซัสของสหรัฐ ส่งผลให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย และมีผู้ใหญ่เสียชีวิต 2 ราย ซึ่งรวมถึงครู รีวิวการ์ตูนอนิเมะ

นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส ระบุว่า คนร้ายรายนี้ชื่อ นายซัลวาดอร์ รามอส และได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต หลังจากก่อเหตุในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ (24 พ.ค.) โดยคาดว่าคนร้ายได้จอดรถไว้ข้างทาง และถือปืนเข้าไปก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียน ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นปืนไรเฟิล

สำนักข่าวซีบีเอส นิวส์ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่า นายรามอส วัย 18 ปี ใช้ปืนยิงยายของตนเองจนเสียชีวิต ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมแห่งนี้

“มีรายงานว่าคนร้ายรายนี้ได้ใช้ปืนยิงยายของเขาจนเสียชีวิตก่อนที่จะเข้าไปก่อเหตุในโรงเรียน อย่างไรก็ดี ขณะนี้ผมยังไม่มีข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างสองเหตุการณ์นี้”

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้ายรายนี้

นางแครีน ฌ็อง-ปิแอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาว ทวีตข้อความว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับทราบรายงานแล้ว และจะแถลงเรื่องนี้กับชาวอเมริกัน ขณะที่ทำเนียบขาวลดธงลงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บุคคลที่ใกล้ชิดกับนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลข 1 เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังติดตามเหตุการณ์ เนื่องจากเธอเคยเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย และเคยสอนหนังสือในโรงเรียนรัฐบาล และสอนคนไข้ในโรงพยาบาลจิตเวช

เช่นเดียวกับ นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ทุกครั้งที่เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ จะมีการพูดว่าหัวใจของพวกเราแตกสลาย แต่เทียบไม่ได้กับใจที่แตกสลายของครอบครัวที่พ่อแม่สูญเสียลูก และอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเราพร้อมยืนเคียงข้างกับพวกเขาเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เช่นนี้ควรจะยุติลงได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการใช้นโยบายในการควบคุมไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

ทั้งนี้ เหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมครั้งล่าสุดนี้ รุนแรงที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เหตุคนร้ายบุกเข้าไปยิงในโรงเรียนประถม Sandy Hook ในเมืองนิวทาวน์ รัฐคอนเนกทิคัต เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 มีผู้เสียชีวิตรวม 27 ราย เป็นเด็ก 20 ราย มือปืนเป็นชาย อายุ 20 ปี ฆ่าตัวตายหลังเกิดเหตุ

เฟซบุ๊ก "แตงโม" พาดพิง "หนุ่ม กรรชัย" น้องชายเมียเป็นเพื่อน "ไฮโซปอ"

 เฟซบุ๊กเพจ Happy Melon official โพสต์ข้อความว่า ข่าวด่วน

#ขอชี้แจง# 2 ประเด็น หลักๆดังนี้

ประเด็นที่ 1

1.เพจที่ใช้อยู่ปัจจุบัน มีแค่ เพจ happy melon official ที่มีผู้ติดตาม 1,450,000 คน ขึ้นไป

2.เพจนี้ ไม่เคยเผยวีดีโอลับของ แตงโม หรือ live สด หรือ สร้างหลักฐานเท็จ เพจนี้จะลงเฉพาะหลักฐานจริงที่ได้กู้กลับคืนมาจากเครื่องแตงโมเท่านั้น

3.เพจนี้ เป็นเพจที่ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่โดยชอบด้วยกฏหมายเท่านั้น

ปล:ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวเฉพาะเพจนี้เท่านั้น ข้อมูลจากเพจอื่นเราไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

ประเด็นที่ 2

1.กรณี หนุ่มกรรชัย นำเสนอข่าวว่า ทางเพจได้ติดต่อไปหากระติกแล้วเปิดภาพแตงโมที่ไม่สมควรเปิด เพจขอชี้แจงว่า ทางเพจไม่ได้ติดต่อไปหากระติกแต่อย่างใด แล้วไม่เคยเปิดภาพลับไปให้กระติกดู

2.กรณี มีประชาชนถามทางเพจจำนวนมาก ว่า ทำไม 5 คนบนเรือ จงใจ จะออกเฉพาะรายการโหนกระแสเท่านั้น ก็เพราะว่า น้องชายภรรยาหนุ่มกรรชัย เป็นเพื่อนรักกับ นายปอ แล้วแต่ละคำถามในรายการมีการเตรียม คำถาม-คำตอบ กันก่อนจะออกรายการ เพจนี้ทำไปเพื่อให้แตงโมได้รับความยุติธรรมเท่านั้น

โดยทางเพจยังมาพิมพ์เพิ่มเติมในคอมเมนต์อีกว่า หลังจากงานแตงโมเสร็จ เพจนี้ จะลงข้อมูลเด็ดที่สามารถเป็นหลักฐานในการมัดตัวผู้กระทำความผิดได้แน่นอน แต่กลัวว่าเพจอื่นจะนำข้อมูลนี้ไปตัดต่อดัดแปลงทำให้แตงโมเสียหาย

วงการกากีอีกแล้ว ! ตำรวจจับวัยรุ่นใส่กุญแจมือ กระทืบ เหยียบหัว

 กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีผู้เปิดเผยคลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของคืนวันที่ 30 เม.ย.65 ที่ผ่านมา บริเวณหน้าหมู่บ้านพฤกษาวิลล์ 44 ถนนนบรมราชชนนี ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยภาพในกล้องวงจรปิด จะเห็นสามวัยรุ่นขับขี่ รถ จยย. ย้อนศรมุ่งหน้าตรงมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจของ สภ.สามพราน ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

โดยก่อนหน้านี้วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าว ขับขี่รถ จยย. มาจาก จ.นครปฐม เพื่อมาหาแฟนสาวที่ อ.สามพราน แต่บังเอิญไปเจอกับกลุ่มคู่อริยกพวกทำร้ายและไล่แทงมา จึงได้ขับรถหนี เมื่อพบเห็นรถเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจของ สภ.สามพราน จึงได้ขับรถย้อนศรเข้าไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือและพยายามอธิบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าพวกตนถูกคู่อริไล่แทงมา แต่ตำรวจกลับไม่ฟัง สั่งให้ยกมือขึ้นและให้นั่งลงถอดเสื้อ ตรวจค้นเจออาวุธปืนพกสั้น

หลังจากนั้นตำรวจก็ใช้เท้าเหยียบหัวและตามลำตัวจับใส่กุญแจมือบังคับให้นอนลงกับพื้น เตะ กระทืบ เหยียบไปที่หัว ใช้เข็มขัดฟาด หลังจากนั้นตำรวจได้ขอกำลังสนันสนุนจากฝ่ายสืบสวนนำตัวขึ้นรถไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.สามพราน พร้อมกับแจ้งข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากเหตุการณ์ดังกว่าทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ของ สภ.สามพราน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ทั้งจับใส่กุญแจมือ กระทืบ เตะ ใช้เท้าเหยียบหัว ถอดเข็มขัดฟาด เหยียดหยามความเป็นมนุษย์ หากจะจับกุมก็จับกุมกันดีๆ เนื่องจากว่าเยาวชนกลุ่มดังกล่าวยังไม่ได้ก่ออาชญากรรมรุนแรงที่เป็นภัยต่อสังคม และไม่ได้ทำการขัดขืนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเข้ามาหาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับเป็นว่าหนีเสือปะจระเข้

ล่าสุดวันนี้ (21 พ.ค.) มีรายงานว่า หลังปรากฏเป็นข่าวเพียงแค่วันเดียว พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ในฐานะรักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.นครปฐม มีคำสั่งให้ตำรวจในคลิป 2 นาย เป็น “รอง สวป.สภ.สามพราน” และ “ผบ.หมู่ (ป.) สภ.สามพราน” ไปปฏิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฏิบัติการ บก.ภ.จว.นครปฐม โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มีผลตั้งแต่เมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง 4 บิ๊กตำรวจภาค 1 ทีมคดีแตงโม

 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหนังสือคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 217/2565 ตั้งกรรมการตรวจสอบวินัย ข่าวด่วน

1.พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1

2.พล.ต.ต.วสันต์ เตซะอัครเกษม ผบก.สส.ภ.1

3.พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี และ

4.พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี

ชุดคลี่คลายคดีการเสียชีวิตปริศนาของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม นิดา" โดยมี พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 9) ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สำนักงานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติฉบับดังกล่าว

สำหรับการตั้งกรรมการตรวจสอบวินัย ตำรวจ ภ.1 ทั้ง 4 นายดังกล่าว สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อให้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เพราะเชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทั้ง 4 นายดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่กระทำการรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ ในการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงหรือรู้ตัวผู้กระทำผิด และนำข้อมูลเท็จหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่สำนวนการสืบสวนสอบสวน รวมถึงไม่ทำคดีชันสูตรการตาย และไม่มีการตรวจสารเสพติดนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 และ 131/1 รวมถึงไม่อายัดเรือของกลางตั้งแต่แรก

จึงเป็นที่มาของการตั้งกรรมการตรวจสอบดังกล่าวขึ้นเพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ขณะเดียวกัน ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ เวลา 10.30 น. ตำรวจได้มีการเชิญ นายอัจฉริยะ เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับข้อมูลในประเด็นต่างๆ ตามหนังสือร้องเรียนที่สำนักงานจเรตำรวจอีกด้วย

"กระติก" แจ้งความกลับ "จิน สามีหนิง" ฐานหมิ่นประมาท

 นางสาวอิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก อดีตผู้จัดการของดาราสาวผู้ล่วงลับ แตงโม (นิดา) ภัทรธิดา พร้อมนายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายจรินทร์ ธรรมวัฒนะ หรือ จืน สามีของ หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ ในข้อหาหมิ่นประมาทเพื่อการโฆษณา กรณีแสดงความคิดเห็นในภาพที่ หนิง ปณิตา แชร์โพสต์ภาพที่ แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ถ่ายคู่กับ กระติก ในอินสตาแกรม รีวิวหนัง LGBT+ หญิงรักหญิง , ชายรักชาย

โดย กระติก ระบุว่า ส่วนตัวได้รับความเสียหาย จากการที่ จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ สามีของหนิง ปณิตา แสดงความคิดเห็นในอินสตาแกรม ซึ่งที่ผ่านมาคนรอบข้างนำข้อมูลเหล่านี้ มาให้จึงตัดสินใจนำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี

แต่ที่เพิ่งมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษในวันนี้ เพราะส่วนตัวเพิ่งมีข้อมูลชัดเจน แม้ว่าก่อนหน้านี้ แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ จะเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แล้ว

นอกจากนี้ ในสัปดาห์หน้าทนายความเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับผู้ที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ทำให้ตัวเองเสื่อมเสียในสื่อสังคมออนไลน์ เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 ราย แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดว่าเป็นใคร หรือ ข้อหาใด

กระติก ยังให้ความเห็นกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำทีมงานเสาะแสวงหาข้อมูลในคดีการเสียชีวิตของแตงโม โดยตั้งข้อสงสัยว่า การเคลื่อนไหวของนายอัจฉริยะ ทำในฐานะอะไร มีสิทธิ์หรือไม่ และสามารถกระทำได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวคงไม่ไปก้าวล่วง แต่หากมีประเด็นใดที่พาดพิงทำให้ตัวเองเสียหาย จะขอใช้สิทธิ์ตามกฎหมายดำเนินการต่อไป

ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะ กล่าวอ้างว่า กลุ่มบุคคลบนเรือนำเอามีดขึ้นไปบนเรือ จนเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่บนข้างขวาของแตงโม ยืนยันว่า ส่วนตัวแม้จะอยู่บนเรือ ช่วงเกิดเหตุการณ์นี้ แต่ไม่เห็นว่ามีการกระทำตามที่นายอัจฉริยะ​อ้างถึง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบนแม่น้ำเจ้าพระยา แต่เรื่องราวขณะนี้ลอยไปไกลจนถึงทะเลแล้ว

ส่วนกรณีที่อัยการมีการนัดหมายไปฟังคำสั่งฟ้องในวันที่ 27 พ.ค.นี้ ยืนยันว่าจะเดินทางไปตามนัดหมาย ส่วนอัยการจะมีคำสั่งอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ซึ่งส่วนตัวพร้อมให้ความร่วมมือ และไม่หนักใจกับกรณีที่ก่อนหน้านี้อัยการมีการสั่งพนักงานสอบสวนสอบเพิ่มในประเด็นต่างๆ กว่า 20 ประเด็น โดยพร้อมให้ความร่วมมือหากพนักงานสอบสวนมีการเรียกเข้าไปให้ปากคำเพิ่ม

ด้าน นายพรศักดิ์ ทนายความ ระบุว่า ในส่วนที่สองสามีภรรยาได้เข้าแจ้งความแซนไว้ที่ สน.ปทุมวัน ทางแซนจะรอให้ทางตำรวจทำหมายเรียกมาก่อน จึงจะเดินทางเข้าให้ข้อมูลตามขั้นตอน

ความหึงเป็นเหตุ อดีต ตร.ยิงแม่ยายและเมียก่อนฆ่าตัวตายตาม

 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ระมาด อ.แม่ระมาด จ.ตาก ได้รับแจ้งเหตุมีคนยิงกันตายที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ระมาด อ.แม่ระมาด มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงประสานแพทย์โรงพยาบาลแม่ระมาด หน่วยกู้ภัยในพื้นที่รุดไปยัง ข่าวการเมือง เศรษฐกิจในประเทศไทย

ที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิต 2 คนคือ ร.ต.ต.วิเชียร อายุ 64 ปี ข้าราชการตำรวจบำนาญ ถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่ในบ้าน และนางหล้า อายุ 79 ปี แม่ยายของ ร.ต.ต.วิเชียร ถูกยิงเข้าลำคอเสียชีวิตบริเวณปากทางเข้าบ้าน และพบ นางฐานพัฒน์ อายุ 47 ปี ภรรยา ร.ต.ต.วิเชียร ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกยิงเข้าบริเวณแขนด้านขวาเสียชีวิต เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรีบนำส่งโรงพยาบาลแม่ระมาด

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ร.ต.อ.วิเชียร ผู้ก่อเหตุ และนางฐานพัฒน์ ได้อยู่กินฉันสามีภรรยาพักอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดเหตุเพียง 2 คน ส่วนบุตรชายไปทำงานต่างจังหวัด ทั้งคู่ชอบมีเรื่องทะเลาะกันอยู่เป็นประจำ เนื่องจากผู้ตายหึงห่วงภรรยา

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 พ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น. ร.ต.อ.วิเชียร มีอาการเมาสุราทะเลาะกับนางฐานพัฒน์ภรรยาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุนางหล้าที่บ้านอยู่ติดกันได้ยินเสียงทะเลาะจึงได้ออกไปดูเพื่อจะห้ามปราม แต่ถูก ร.ต.อ.วิเชียร ใช้อาวุธปืนลูกซองยิงเข้าบริเวณใต้ลำคอเสียชีวิตคาที่

ต่อมา ร.ต.อ.วิเชียร ใช้อาวุธปืนยิงภรรยาเข้าที่แขนขวากระดูกแตกหักได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นได้เข้าไปในบ้านใช้ปากอมกระบอกเดียวกัน และใช้นิ้วเท้าเหนี่ยวไกปืนยิงตัวตาย

ด้าน นายนิพนท์ อายุ 59 ปี ญาติฝ่ายหญิง กล่าวว่า ทั้งคู่มีปัญหาการทะเลาะวิวาทมาตลอด โดยฝ่ายชายเมาสุราเป็นประจำส่วนสาเหตุ เป็นฝ่ายชายหึงภรรยา จนเกิดอาการระแวงตลอด

จากการตรวจที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 ปลอก ตกอยู่หน้าบ้าน และอีกหนึ่งปลอกตกอยู่บริเวณระเบียงหน้าบ้าน พบศพนางหล้านอนเสียชีวิตอยู่หน้าประตูเข้าบ้าน พบศพ ร.ต.อ.วิเชียร นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน และพบอาวุธปืนลูกซองยาวมีทะเบียนวางอยู่ปลายเท้า และมีปลอกกระสุนคาอยู่ในลำกล้อง ส่วนนางฐานพัฒน์ถูกนำส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่ระมาด

พนักงานสอบสวนได้ร่วมกับกับแพทย์ประจำโรงพยาบาลแม่ระมาด ชันสูตรพลิกศพ และได้มอบศพนางหล้าให้กับญาติรับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนศพของ ร.ต.อ.วิเชียร ได้นำไปฝากไว้ที่โรงพยาบาลแม่สอด เพื่อรอญาติจาก จ.เพชรบุรี เดินทางไปรับศพ สำหรับฝ่ายหญิงเป็นคนตาดี จนฝ่ายชายหึงหวง

ไลฟ์สดกราดซูเปอร์มาร์เก็ตดับแล้ว 10 ราย

 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เกิดเหตุมือปืนใช้อาวุธปืนไรเฟิลบุกยิงในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และบาดเจ็บอีก 3 ราย ก่อนที่คนร้ายจะยอมมอบตัวกับตำรวจ ดูหนังซับไทย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่คาดว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้มาจากความเกลียดชังทางเชื้อชาติ โดยผู้ก่อเหตุเป็นชายผิวขาว อายุ 18 ปี สวมชุดเครื่องแบบทหารและไลฟ์สดขณะบุกก่อเหตุในซูเปอร์มาร์เก็ตท็อปส์ เฟรนด์ลี มาร์เก็ต ในเมืองบัฟฟาโล

เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “คนร้ายลงจากรถ พร้อมกับอาวุธหนัก สวมชุดเกราะและหมวกกันกระสุนติดกล้อง พร้อมกับไลฟ์สดขณะก่อเหตุ” โดยมือปืนเริ่มยิงคนด้านนอกซูเปอร์มาร์เก็ต 4 คน โดย 3 คนเสียชีวิต ก่อนที่จะเข้ามาในร้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามยิงสกัดหลายนัด แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะมือปืนสวมเสื้อเกราะกันกระสุน ก่อนที่คนร้ายจะสังหารเจ้าหน้าที่รายนี้ในเวลาต่อมา

รายงานระบุว่า เหยื่อ 11 รายเป็นคนผิวสี ส่วนอีก 2 รายเป็นคนขาว โดยซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ตั้งอยู่ในย่านของคนผิวสี ห่างจากย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองบัฟฟาโลไม่กี่ไมล์ โดยทราบชื่อผู้ก่อเหตุในเวลาต่อมาคือ นายเพย์ตัน เจนดรอน อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะได้มากนัก

ทางด้านนางแครีน ฌ็อง ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับทราบเรื่องนี้แล้ว และจะคอยติดตามรายงานความคืบหน้าต่อไป โดยปธน.ไบเดนและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้สวดภาวนาให้กับเหยื่อเหตุกราดยิงในครั้งนี้และครอบครัว

ยายร่ำไห้ใจจะขาด "แล้วยายจะนอนกับใคร" หลังรู้ว่าหลานจมน้ำดับ

 ญาติทำพิธีเรียกวิญญาณเด็กชาย 7 ขวบกลับบ้าน หลังจมน้ำเสียชีวิต แม่ยันตอนเกิดเหตุไม่ได้เมา ดื่มแค่ 2-3 เป๊ก ขณะที่ยายยังทำใจไม่ได้ ร่ำไห้แทบขาดใจ หลังจากนี้ยายจะนอนกับใคร ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.65 ญาตินำพระมาสวดเรียกวิญญาณ น้องมอส อายุ 7 ปี ที่จมน้ำเสียชีวิตที่สระน้ำสาธารณะ ที่บ้านตลาด ต.ปราสาท อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ตามประเพณี เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้

โดยระหว่างที่พระกำลังทำพิธี นางยิ้ม แสนกล้า อายุ 75 ปี ยายของน้องมอส ซึ่งยังทำใจไม่ได้ ร่ำไห้ตลอดเวลา ยังรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เนื่องจากน้องมอส จะไปนอนเป็นเพื่อนยายเป็นประจำ สร้างความเวทนาให้กับชาวบ้านที่พบเห็นเป็นอย่างมาก 

นางเต็ง แสนกล้า อายุ 42 ปี แม่น้องมอส เล่าว่า ปกติลูกชายจะช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ไม่คิดว่าจะไปเล่นที่สระน้ำ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นผู้ใหญ่ไปหาปลาบริเวณนั้นในตอนเย็นวานนี้ จึงอยากจะทำตามด้วย ยอมรับช่วงเกิดเหตุตนดื่มเหล้า แต่ดื่มแค่ 2-3 เป๊กเท่านั้น ไม่ได้เมา

ใหญ่ไปก็อัตราย!! นางแบบชื่อดังเผยเปลี่ยนเต้าคัพ H ให้เล็กลง

  ลุยซ่า โคแวนสกี้ นางแบบสาวชาวยูเครน วัย 28 ปี เจ้าของหน้าอกธรรมชาติไซส์มหึมา 30HH ที่ทำให้เธอต้องทนเจอเรื่องแย่ๆมากมายนับตั้งแต่อายุ 9 ขวบถึงแม้มันจะทำให้เธอก้าวสู่การเป็นนางแบบเซ็กซี่ในปัจจุบัน ที่ทำเงินได้มากถึง 5 หมื่นปอนด์ต่อเดือน (ประมาณ 2.1 ล้านบาทต่อเดือน) จาก OnlyFans แต่มันก็ทำให้เธอใช้ชีวิตประจำวันได้ยาก จนเธอต้องวางแผนผ่าตัดลดไซส์เต้าให้เล็กลง ข่าวบันเทิง

ลุยซ่าเผยว่า เธอเริ่มมีหน้าอกตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และมันใหญ่เกินหน้าเกินตาเด็กสาวในรุ่นเดียวกัน ทำให้เธอถูกรุมบูลลี่ตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะจากครูคนหนึ่งที่โรงเรียนที่เคยลวนลามเธอตั้งแต่เด็ก ความทรงจำนั้นยังคงเป็นบาดแผลใหญ่ในใจถึงปัจจุบัน

แม้กระทั่งตอนนี้ที่เธอโตขึ้นมาเป็นนางแบบเซ็กซี่ ก็ยังต้องเผชิญคอมเมนต์แย่ๆ ในอินเตอร์เน็ต อาทิบอกว่า นอกจากเต้าคู่โต เธอก็ไม่มีอะไรดีๆอีกแล้ว ซึ่งเธอยอมรับว่ามันทำให้เธอรู้สึกไร้ค่าขึ้นมาตอนที่ได้อ่าน

แม้แต่เรื่องง่ายๆอย่างการออกกำลังกายคาร์ดิโอ เธอก็ทำไม่ได้ เพราะหน้าอกใหญ่จนเคลื่อนไหวคาร์ดิโอแบบปกติไม่ได้ 

และเรื่องที่แย่ที่สุดคือ เธอไม่สามารถแต่งตัวแบบสาวๆปกติได้  เพราะเวลาที่เธอแต่งตัวด้วยเสื้อยืดปกติ หรือเสื้อผ้าที่เข้ารูปหน่อย หน้าอกจะกลายเป็นเป้าสายตา จนทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายจากการคุกคามทางเพศ ทำให้ลุยซ่าต้องใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งเวลาออกจากบ้าน เพื่อบดบังหน้าอกไซส์ยักษ์เอาไว้

ด้วยเรื่องราวทั้งหลายที่เธอต้องเผชิญ ทำให้ลุยซ่าวางแผนจะผ่าตัดลดไซส์หน้าอกในอนาคต เพื่อให้เธอใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายดายขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเธอก็พยายามจะภูมิใจในร่างกายของตัวเอง และไม่สนใจคอมเมนต์ด้านลบจากใคร เพื่อจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้ได้มากที่สุด

"พระบิดา" กับลูกศิษย์ โผล่ อ.ภูกระดึง จ.เลย รับปากตำรวจจะอยู่สงบๆ ไม่ดื่มฉี่-กินปฏิกูล

  "พระบิดา" หรือ นายทวี หมันลา อายุ 75 ปี เจ้าลัทธิประหลาด ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

ตื่นมาก็ได้รับข่าวดี หลังจากได้ประกันตัว พระบิดาและศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่ง กำลังมุ่งหน้า ผานกเค้า จ.เลย โดยจะก่อตั้งสำนักขึ้นมาใหม่ในที่ดินที่ถูกต้องตามกฎหมาย จะเว้นการเก็บศพ แต่ยังผลิตน้ำทิพย์โอสถ แจกขี้ไคล ขี้มูก เสมหะ และน้ำปัสสาวะ เหมือนเดิม 

นอกจากนั้น ก็ยังทำน้ำพริกปลาร้าบองตราแซ่บหลาย ข้าวเกรียบ จำหน่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนอีกด้วย ช่วยอุดหนุนผลิตภัณฑ์พระบิดาเพื่อจะได้สร้างโลกร่วมกัน ช่วงเปิดสำนักใหม่มีโปรโมชั่นซื้อน้ำพริก 10 กระปุกแถมข้าวเกรียบ

ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนายอำเภอภูกระดึง ได้จัดทีมฝ่ายความมั่นคง ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่และติดตามอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งของ นายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย และจากการตรวจสอบวันนี้พบว่า พระบิดานั้นได้เข้าพำนักอยู่ที่ไร่แห่งหนึ่ง ใน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น

ล่าสุดวันนี้ (12 พ.ค.) เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานความคืบหน้าว่า ตำรวจ สภ.ภูกระดึง จ.เลย เข้าตรวจสอบ "ไร่อยู่เย็นเป็นสุข" จุดที่ พระบิดาและสาวกอาศัยอยู่ หลังย้ายจาก อ.คอนสาร จังหวัดชัยภูมิ มาอาศัยที่นี่ 

"พระบิดา" หายเข้ากลีบเมฆ หลังประกันตัวออกมา

 เมื่อเวลา 10.00 น. ทีมข่าวอีจันลงพื้นที่ไปที่บ้านหนองแวง ม.7 ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ของบ้านญาติ นายทวี หนันลา อายุ 74 ปี หรือฤาษีทวี ที่อ้างตัวว่าเป็นพระบิดาทุกศาสนา ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

โดยได้พบกับ นายบุญตัน หนันลา อายุ 77 ปี และ นายทองทิพย์ หนันลา อายุ 62 ปี พี่ชายและน้องชายของฤาษีทวี โดยนายทองทิพย์ น้องชาย เผยว่า หลังจากที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวฤาษีทวี ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับทันที และไม่ทราบว่าพี่ชายไปไหนหรือไปอยู่กับลูกศิษย์คนไหนหรือไม่ เพราะพี่ชายมีลูกศิษย์ลูกหาที่มีฐานะชื่อเสียงหลายคน เนื่องจากไม่ต้องการเป็นเป้าสายตาของสื่อมวลชน จึงแยกย้ายกันทันที และยังไม่มีการพูดคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ รอให้ทุกอย่างคลี่คลายกว่านี้ แต่เบื้องต้นจะมีการพูดคุยกันในเรื่องของการรับศพแม่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนาก่อน

นายทองทิพย์ ยังบอกอีกว่า ข่าวที่ออกไปนั้นเกินจริงหลายเรื่อง ไม่มีการกินอุจจาระ ไม่มีการกินน้ำเหลืองศพ ไม่มีการกินเสมหะ แต่มีการดื่มปัสสาวะและกินขี้ไคลจริง และไม่ได้มีการบังคับใคร ส่วนตัวไม่เชื่อว่ารักษาโรคได้ เพราะตนเองยึดหลักวิทยาศาสตร์มากกว่า เพราะตนเองก็เป็นที่นับหน้าถือตาในหมู่บ้าน ช่วยเหลือสาธารณะประโยชน์หลายอย่าง ปกครองคนจำนวนมากในหมู่บ้าน ต้องยืนอยู่หลักความเป็นจริง ในการดื่มฉี่หรือกินขี้ไคลนั้นก็ไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องของความเชื่อของลูกศิษย์ อยากฝากถึงหมอปลาว่าหยุดสร้างความแตกแยกในสังคม เพราะที่ผ่านมาเห็นมีแต่ใช้หลักความรุนแรง ไม่ใช้หลักประนีประนอม ทำไมไม่เข้ามาพูดดีๆ ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ชอบยั่วยุให้คนมีอารมณ์ขาดสติทำให้เอาอารมณ์จากการยั่วยุนี้ไปเป็นข่าว และถ้าจมูกดีก็ไปหาพี่ชายให้เจอ

ส่วนประเด็นการเรียกพี่ชายว่าพระบิดานั้น นายทองทิพย์ บอกว่า เนื่องจากในสำนักปฏิบัติธรรม มีผู้เฒ่าผู้แก่อยู่หลายคน และคนอีสานก็จะเรียกผู้เฒ่าผู้แก่ว่าพ่อ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดว่าเรียกใคร จึงมีการประชุมกันและมีมติให้เรียกพี่ชายว่าพระบิดาแทนคำว่าพ่อเท่านั้น และในส่วนเรื่องศพของแม่นั้น ตนเองทราบพร้อมๆ กับทุกๆคน เพราะอาการของคุณแม่โคม่าแล้วเนื่องจากอายุมาก ทำได้เพียงดูใจ ก่อนที่แม่จะสิ้นใจและได้ประกอบพิธีสวด 3 วัน โดยมีลูกศิษย์มา 95 คน เท่าอายุของแม่ทั้ง 3 วัน และมีการคุยกันว่าจะนำศพแม่กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาภายหลัง ซึ่งในเรื่องนี้มีการพูดคุยกันในครอบครัวแล้ว เนื่องจากกลัวเรื่องศพจะเน่าเพราะไม่ได้ฉีดฟอร์มาลีน จึงใช้วิธีเจาะโลงไว้เอาน้ำเหลืองออกเพื่อไม่ให้เกิดความชื้นจนทำให้ศพเน่า แต่ไม่ได้เอามากิน น้ำเหลืองที่รองเอาไว้นั้นก็เอาไปทิ้งโดยขุดหลุมฝัง

ทีมข่าวสอบถามถึงประวัติของฤๅษีทวี ว่าที่มาที่ไปจนมาเป็นฤๅษีได้อย่างไร นายทองทิพย์เล่าว่า พี่ชายออกจากบ้านไปหางานทำที่ กทม. ตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี โดยไปทำงานขับรถส่งถ่าน ผ่านไปประมาณ 2 ปี พี่ชายกลับมาที่บ้านเกิดที่ อ.หนองเรือ เมื่อปี พ.ศ.2522 กระทั่ง ปี 2523 ไปบวชเป็นพระสงฆ์ที่วัดบนเขาใน อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ มีพระลูกวัด 8 รูป และสามเณร 1 รูป กระทั่งเข้าปี พ.ศ.2526 ธุดงค์ลงจากเขาแต่อาพาธอยู่ในป่า มีชาวบ้านมาพบเห็นและช่วยรักษาโดยหาสมุนไพรมาต้มให้พี่ชายที่เป็นพระสงฆ์ดื่มกินจนหาย และก็อยู่ที่กลางหุบเขานั้นจนถึงปี 2536 จึงมีการตั้งสำนักขึ้นในจุดที่ป่วย ผ่านไป 1 ปี เจ้าหน้าที่ป่าไม้ขอให้ย้ายออกนอกพื้นที่ จึงธุดงค์ไปตั้งสำนักที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ จนถึงปัจจุบัน และได้เปลี่ยนจากห่มผ้าเหลืองพระสงฆ์มาห่มผ้าฤๅษีประมาณปี 2541 จนถึงปัจจุบัน ก็เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

อัยการนนท์สั่งด่วน! เชิญ 2 ทีมแพทย์ผ่าชันสูตรร่างแตงโมเข้าพบ คาดซักข้อมูลเพิ่ม

 อัยการจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนส่งพยานผู้เชี่ยวชาญมาให้อัยการซักถาม โดยพยานผู้เชี่ยวชาญที่เดินทางมาพบอัยการในวันนี้ คือ ทีมแพทย์จากสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และทีมแพทย์นิติเวชจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นทีมแพทย์ที่ทำการชันสูตรผ่าร่างของดารานักแสดงสาวแตงโม นิดา ข่าวประจำวัน

ทั้งนี้ คาดว่าอัยการจังหวัดนนทบุรีน่าจะเชิญทีมแพทย์ดังกล่าวมาซักถามเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องบาดแผลที่พบตามร่างกายของผู้เสียชีวิตที่กลายเป็นประเด็นขัดแย้งอยู่ในเวลานี้

ผัวเก่าทะเลาะผัวใหม่ ฆ่ากันตายคาบ้าน

 อดีตสามีมารับลูกที่บ้าน เจอแฟนใหม่เมียที่เป็นลูกน้องเก่า เมียโทรให้เพื่อนรีบมาช่วยห้ามแต่ไม่ทัน ทะเลาะจนฆ่ากันตาย  รีวิวการ์ตูนอนิเมะ

เมื่อเวลา 01.30 น. (8 พ.ค. 65) พ.ต.ท.กฤษณะ ทองบ้านบ่อ สว.(สอบสวน) สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุทะเละวิวาทมีผู้เสียชีวิต จุดเกิดเหตุ หน้าบ้าน ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนไปตรวจสอบพร้อมฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช

ที่เกิดเหตุ บริเวณหน้าประตูบ้าน ใกล้กำแพงพบศพ นายวทันยู หรือ ที อายุ 25 ปี นอนหงายจมกองเลือดในชุดเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนส์ขาสามส่วน มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่คอ1 แผล และลำตัวด้านซ้ายอีก4 แผล เจ้าหน้าที่ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตรวจสอบใกล้เคียงพบรถกระบะอีซูซุ สี่ประตู สีบรอนซ์ ทะเบียน 6588 พระนครศรีอยุธยา แบบแต่งซิ่งของผู้ตายจอดอยู่ กล้องวงจรปิด 3 ตัวหน้าบ้านถูกหักเปลี่ยนทิศทาง

จากการสอบสวนนายกร อายุ 32 ปี ให้การว่า ตนเป็นเพื่อนกับ น.ส.เอ๊ะ ซี่งเป็นภรรยาของนายอธิพงศ์ หรือ ตี๋ อายุ 30 ปี เจ้าของบ้าน ส่วนนายวทันยู ผู้ตายก็เป็นลูกน้องเก่าของนายอธิพงศ์ ที่เคยทำงานร่วมกันเกี่ยวกับขายสินค้าประเภทถุงขยะพลาสติกสีดำ นายอธิพงศ์มาซื้อบ้านที่เกิดเหตุร่วมกับ น.ส.เอ๊ะ และมีบุตรชายอายุราว 6 ขวบ แต่ก็แอบคบหากับนายวทันยู และได้แอบซื้อรถกระบะคันที่จอดหน้าบ้านให้ ปกติแล้วฝ่ายหญิงจะเป็นคนไปหาผู้ตายเอง แต่ก่อนเกิดเหตุนายอธิพงศ์ไม่อยู่บ้าน นายวทันยูจึงขับรถกระบะมาหา น.ส.เอ๊ะ ที่บ้านเกิดเหตุ

เป็นจังหวะเดียวกับที่นายอธิพงศ์กลับมาที่บ้านเพื่อจะรับลูกชาย จนกระทั่งมาเจอนายวทันยู และมีปากเสียงทะเลาะกันจน น.ส.เอ๊ะ ต้องโทรศัพท์หาตนให้มาไกล่เกลี่ย จนกระทั่งมาถึงก็ช้าไปเสียแล้ว เกิดการสูญเสียดังกล่าว ซึ่งขณะนี้นายอธิพงศ์ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.หลักสอง เรียบร้อยแล้ว

ทางด้าน น.ส เอ๊ะ อดีตภรรยาผู้ก่อเหตุและแฟนใหม่ผู้ตาย ได้เล่าว่า หลังจากที่ตนเลิกรากับอดีตสามี ตนก็พักอาศัยคนเดียว โดยลูกจะมาช่วงวันเสาร์ โดยบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านของตนและอดีตสามีซึ่งเป็นคนก่อเหตุ โดยใช้ชื่อซื้อร่วมกัน โดยก่อนเกิดเหตุ ทางอดีตสามีติดต่อตนเองไม่ได้เนื่องจากยังคุยเรื่องงานกันอยู่ โดยทางผู้ก่อเหตุเองนั้นไม่อยากให้ลูกต้องมาอยู่กับแฟนใหม่ตนด้วยเลยจะมารับลูก ทางผู้ก่อเหตุก็กำลังจะกลับแล้ว แต่ผู้ตายกับผู้ก่อเหตุก็มาทะเลาะกันหน้าบ้านอีกครั้ง ก่อนจะทำร้ายกันจนเสียชีวิตดังกล่าว

เบื้องต้นตำรวจได้มอบศพให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำส่งนิติเวช โรงพยาบาลศิริราชเพื่อผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง และจะได้ติดตามตัวมือมีดรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป

รวบโจรยกเค้าบ้านนายแบงก์ งัดตู้เซฟกวาดทรัพย์สินกว่า 10 ล้านบาท

 จากกรณีคนร้ายบุกเข้าไปงัดตู้เซฟ ห้องนอนชั้น 2 ที่บ้านตั้งอยู่ในซอยรัชดานิเวศน์ 9 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง ได้ทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา ข่าวการเมือง เศรษฐกิจในประเทศไทย

วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 12.50 น. ที่ สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้เบิกตัว นายบรรจง อายุ 36 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุงัดตู้เซฟในห้องนอนบ้านของนายจุฑาศิษฐ์ (ขอสงวนนามสกุล) หนุ่มธนาคาร ย่านห้วยขวาง กวาดทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้านบาท ไปสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนจะคุมตัวไปชี้จุดตรวจค้นหาทรัพย์สินเพิ่มเติมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี หลังจับกุมได้ที่คอนโดมิเนียมในตำบลบางกระสอ ออกสู่อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี เมื่อคืนที่ผ่านมา

จากการสอบถาม นายบรรจง ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ก่อเหตุดังกล่าวจริง ส่วนทรัพย์สินที่ได้ไปได้ทยอยขายไปตามสถานที่ต่างๆ ที่หลบไปกบดานหลังก่อเหตุ ส่วนจุดอื่นๆ เจ้าหน้าที่สามารถยึดทรัพย์สินคืนมาได้บางส่วน อาทิ เครื่องเพชร, สร้อยคอทองคำ, กำไลข้อมือทองคำ , เครื่องเพชร และธนบัตรเก่าที่สะสม รวม 37 รายการ มูลค่าประมาณ 3.8 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังพบว่าเคยก่อเหตุลักทรัพย์ในหอพักแห่งหนึ่ง พื้นที่ศาลายา จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2551, ชิงทรัพย์ในอะพาร์ตเมนต์ ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 6 และข่มขืนกระทำชำเรา พื้นที่ สน.ดินแดง เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2553, ข่มขืนกระทำชำเราอีกคดี เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2553 โดยนายบรรจงถูกนำตัวเข้าเรือนจำและติดคุกรวม 6 ปี ก่อนที่จะพ้นโทษออกมา

และมาก่อเหตุงัดตู้เซฟภายในบ้านพักของทนายความที่ซอยลาดพร้าว 48 พื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 จากนั้นก็โดนโทษจำคุกอีกครั้ง และเพิ่งจะพ้นโทษออกมา ก็มาก่อเหตุงัดตู้เซฟในครั้งนี้

ดับอนาถ !! หนุ่มเมียนมานอนคุยโทรศัพท์เอาหัวพาดรางรถไฟ ถูกรถไฟชนศีรษะขาดกระเด็น

 วันนี้ (5 พ.ค.) เวลา 21.30 น. ศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง สภ.เมืองอุดรธานี รับแจ้งมีเหตุคนถูกรถไฟเสียชีวิตที่ชุมชนตลาดหนองบัว เขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่เกิดเหตุเป็นแคมป์คนงานก่อสร้าง ช่วงสถานีหนองขอนกว้าง เข้าสถานีอุดรธานี ถนนเลียบทางรถไฟ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

ดูหนังซับไทย

ในที่เกิดเหตุพบศพชายชาวเมียนมา อายุ 28 ปี นอนเสียชีวิตริมรางรถไฟข้างแคมป์คนงาน สภาพกะโหลกศีรษะแตกออกเป็นแผลใหญ่สมองกระจาย สวมเสื้อกล้ามสีเหลือง สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตและนุงโสร่ง นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต และข้างศพมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

จากการสอบสวน นายอุดร อายุ 28 ปี คนงานชาวไทย บอกว่า ก่อนเกิดเหตุตนเห็นผู้ตายนอนคุยโทรศัพท์ โดยเอาหัวพาดรางรถไฟ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะผู้ตายชอบมาคุยโทรศัพท์และทำแบบนี้บ่อยครั้ง

จากนั้นตนก็เข้าไปอาบน้ำและนั่งดื่มเล็กน้อยก่อนเข้านอน ต่อมามีคนบอกว่ามีคนถูกรถไฟชนเสียชีวิตจึงออกมาดู แล้วโทรแจ้งตำรวจทันที สำหรับผู้ตายทำงานในตำแหน่งช่างติดตั้งสุขภัณท์ที่แคมป์คนงานใกล้ที่เกิดเหตุ

ด้าน พ.ต.ท.พีระ ราศรี พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี กล่าวว่า รถไฟที่ชนเป็นรถไฟขบวนดีเซลร่าง 417 โคราช-อุดรธานี ออกจากสถานีโคราชเวลา 15.55 น. มาถึง สถานีอุดรธานี 21.00 น.

เบื้องต้น คาดว่าผู้ตายนอนคุยโทรศัพท์เพลินไปหน่อยไม่ทันสังเกตว่ามีรถไฟมา เป็นเหตุให้ถูกรถไฟทับบริเวณศีรษะพอดีจนขาดกระเด็น

หลังชันสูตรศพได้มอบศพไปเก็บไว้ยังห้องสุขาวดี โรงพยาบาลอุดรธานี พร้อมประสานสถานกงสุลหรือสถานทูต ให้ติอต่อญาติดำเนินการตามความต้องการของญาติต่อไป

สมีกาโตะ รับเบิกเงินวัดไปใช้ 6 แสน ยืนยันผ่าน หนุ่ม กรรชัย จะนำเงินไปคืนวัด

 นายพงศกร จันทร์แก้ว หรือ แรมโบ้ อดีตพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดัง ออกมายอมรับว่าได้โอนเงินจำนวน 3 แสนบาทไปให้แก่พระคนกลาง เพื่อให้นำไปมอบให้ น.ส.ตอง สำหรับรักษาอาการป่วย นอกจากนี้ ยังมีเงินอีกจำนวนหนึ่ง เอาไว้สำหรับจ่ายให้สื่อท้องถิ่นเพื่อปิดข่าว กลางรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19

ล่าสุด เช้าวันนี้ (4 พ.ค.) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ทางช่อง 3 โดยพิธีกร นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา และ ไบรท์ พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ได้กล่าวถึงประเด็นที่ว่า มีรายงานข่าวระบุถึง ผู้ดูแลวัดแจ้งว่า อดีตพระกาโตะ ซึ่งต้องทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาสวัดในขณะนั้น ได้เบิกเงินวัดไปถึง 6 แสนบาทนั้น ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเอาไปทำอะไรบ้าง

โดย นายสรยุทธ แจ้งว่า ทาง หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย พิธีกรชื่อดัง ได้ประสานมาทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ว่า ได้สอบถามไปยัง อดีตพระกาโตะ แล้ว ปรากฏว่าเจ้าตัวยอมรับว่า ได้เบิกเงินจากบัญชีวัด 6 แสนบาท เพื่อนำไปจ่ายให้คนกลาง (สีกาตองและสื่อ)

พร้อมรับปากวันนี้จะคืนเงินให้วัด โดยจะนำเงินจากญาติมาคืนให้วัด ยืนยันว่าไม่มีเจตนาเอาเงินวัด แต่เพราะคนกลางเร่งรัดจะเอาเงินให้ได้ จึงต้องนำเงินวัดไปให้คนกลางก่อน 

ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีก เพราะช่วงที่เบิกเงินไปนั้น อดีตพระกาโตะ ยังอยู่ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ

หากพระสงฆ์ซึ่งทำหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานดูแลวัด นำเอาเงินวัดไปใช้ส่วนตัว ก็อาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ประโยชน์ที่มิควรได้

ปริญญ์ ยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทนายเผยจ่อเช็กบิลคนให้การเท็จ

 "ปริญญ์" เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีอนาจารสาวที่เชียงใหม่ ผู้เสียหายอ้างชวนสัมมนาก่อนลวงเข้าห้องลวนลาม ตำรวจยันมีพยานหลักฐานเชื่อก่อเหตุจริง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะทนายเผยเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมเอาผิดคนให้การเท็จ ข่าวด่วน

วันนี้ (3 พ.ค.) เวลา 09.30 น. นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับทีมทนายความ เดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกหญิงสาววัย 25 ปี เข้าแจ้งความดำเนินคดีโดยตรงกับ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาอนาจาร เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2564

ทั้งนี้ การเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาครั้งนี้ มีลูกชายของนายปริญญ์มารอให้กำลังใจที่โรงพักด้วย ซึ่งนายปริญญ์มีสีหน้าเรียบเฉย ลงจากรถและขึ้นไปพบพนักงานสอบสวนทันที

พ.ต.อ.ภูวนาถ ดวงดี ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ เปิดเผยว่า คดีนี้แม้จะเกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ปีที่แล้ว แต่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุซึ่งเป็นโรงแรมกึ่งรีสอร์ทแห่งหนึ่งในตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จนเชื่อว่ามีมูลในการก่อเหตุจริง จึงแจ้งข้อกล่าวหาทำอนาจารผู้อื่นต่อหน้าธารกำนัล

หลังแจ้งขอกล่าวหาแล้วพนักงานสอบสวนจะขออำนาจศาลออกหมายขังและคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมก่อคดีลักษณะนี้ในหลายพื้นที่ ซึ่งการให้ประกันตัวเป็นอำนาจของศาล คดีนี้ไม่หนักใจอะไร เนื่องจากเป็นการทำคดีตามกระบวนการ ส่วนผู้เสียหายยังใช้ชีวิตตามปกติมีการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตลอด ซึ่งทางตำรวจจะดูแลความปลอดภัยให้หากมีการร้องขอ

ก่อนหน้านี้ เหยื่อสาววัย 25 ปี ร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายปริญญ์ ที่เคยก่อเหตุลวนลามเธอเมื่อต้นปี 2564 โดยบอกว่าเมื่อสองปีก่อน เธอรู้จักกับผู้ก่อเหตุในงานสัมมนาที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาทักทายพูดคุยด้วย ซึ่งด้วยโปรไฟล์ผู้ก่อเหตุเป็นคนมีชื่อเสียงเธอจึงพูดคุยด้วยและแลกเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกับมีไลน์คุยกัน

ต่อมาเมื่อต้นปี 2564 ผู้ก่อเหตุโทรมาหาบอกว่าจะมีการสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจและเงินสกุลดิจิทัลที่เชียงใหม่ ซึ่งเธอมีความสนใจจึงตอบตกลงและนัดกับผู้ก่อเหตุเจอกันที่โรงแรมที่จะจัดงาน แต่เมื่อไปถึงที่โรงแรมกลับไม่พบว่ามีการจัดงาน เธอจึงโวยวายและพูดเสียงดังซึ่งผู้ก่อเหตุก็พยายามทำท่าทางให้เธอเบาเสียงลง และทำทีโทรหาคนจัดงานเพื่อให้ตายใจ ก่อนจะอ้างว่าคนจัดงานให้ไปรอที่ห้องพักภายในโรงแรมก่อน ซึ่งเธอก็หลงเชื่อเดินตามไปเพื่อไปรอ