คดีที่คนร้ายทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปติดต่อขอซื้อทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 100 บาท จากร้านทองแห่งหนึ่งในตัวเมืองหนองคาย โดยจ่ายเงินเป็นเช็คมูลค่าเกือบ 3 ล้านบาท แต่พอคนร้ายรับทองคำออกจากร้านไปแล้ว เจ้าของร้านเพิ่งรู้ว่าเช็คที่คนร้ายสั่งจ่ายให้นั้นเป็นเคลียริงเช็ค ไม่มีเงินเข้าบัญชีของร้านแม้แต่บาทเดียว ล่าสุดตำรวจออกหมายจับผู้ร่วมก่อเหตุแล้ว 1 คน ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งที่เห็นนี้เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งในร้านทองที่เกิดเหตุแห่งหนึ่ง ริมถนนมีชัย เขตเทศบาลเมืองหนองคาย บันทึกภาพขณะคนร้ายสวมเสื้อผ้าชุดสีดำ และสวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า เดินเข้าไปในร้านแล้วติดต่อสอบถามซื้อทองรูปพรรณน้ำหนัก 100 บาท รวมมูลค่า 2.9 ล้านบาท โดยอ้างว่าต้องการนำทองคำทั้งหมดไปแจกลูกค้า และฝากญาติพี่น้อง
ซึ่งตอนนั้นเจ้าของร้านไม่ได้เอะใจว่าชายคนนี้จะเป็นคนร้ายที่แฝงตัวมาในคราบลูกค้า กระทั่งมีการตกลงจ่ายเงิน คนร้ายได้ขอเลขบัญชีของทางร้าน พร้อมกับโทรศัพท์คุยกับคนปลายสายบอกให้โอนเงินเข้าบัญชีของร้านได้เลย จากนั้นไม่นานเจ้าของร้านโทรศัพท์ไปสอบถามธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ พบว่ามีเงินจำนวน 2.9 ล้านบาท ถูกโอนเข้าบัญชีจริง โดยสั่งจ่ายเป็นเช็ค (แต่ตอนนั้นทางร้านไม่รู้ว่าเป็นเคลียริงเช็ค มีแต่ตัวเลข ไม่มีเงินเข้าบัญชีจริง) จึงมอบสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 100 บาท ให้กับชายดังกล่าวถือเดินออกจากร้านไป จนเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที เจ้าของร้านกลับไปเปิดอ่านข้อความที่ธนาคารส่งมาทางโทรศัพท์ ตรวจสอบซ้ำอย่างละเอียดอีกครั้ง ถึงรู้ว่าเช็คที่สั่งจ่ายมาให้นั้นเป็นเคลียริงเช็ค จึงพยายามติดต่อกลับไปชายที่มาติดต่อซื้อทอง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงมั่นใจว่าต้องเป็นมิจฉาชีพ จงใจมาถูกหลอกลวงอย่างแน่นอน
หลังเกิดเหตุเจ้าของร้านทองเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองหนองคาย จนนำไปสู่การสืบสวนสอบสวนโดยพบข้อมูลว่า ขบวนการนี้จะให้ฝ่ายชาย ทำทีเป็นลูกค้าติดต่อขอซื้อทองคำ และส่วนมากจะใช้คำอ้างที่ว่า ต้องการซื้อไปฝากญาติ และแจกลูกน้องอะไรทำนองนี้ ส่วนฝ่ายหญิง จะทำหน้าที่ไปธนาคาร นำเช็คเข้าบัญชีให้ร้านทอง แต่เป็นการเคลียริงเช็ค ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบข้อมูลชื่อผู้หญิงตามที่ระบุในเช็ค ชื่อ นางสาวพิชชาภา เคยมีประวัติก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้วในพื้นที่จังหวัดชลบุรี กระทั่งมาก่อเหตุครั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย
ด้านตำรวจ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ตรวจสอบข้อมูลของหญิงที่ไปติดต่อธนาคารนำเช็คไปเข้าบัญชีของร้านทอง จนสามารถยืนยันตัวบุคคลเป็นที่แน่ชัดแล้ว เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นขอศาลจังหวัดหนองคาย ออกหมายจับ นางสาวพิชชาภา ครณรงค์ อายุ 47 ปี ชาวตำบลหนองยาว อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชี" ซึ่งเป็นคดีอาญา มีอายุความ 10 ปี พร้อมกันนี้ได้ประสานตำรวจทุกพื้นที่ช่วยติดตามจับกุม
ส่วนชายที่เป็นผู้ติดต่อกับร้านทองนั้น ขณะนี้ตำรวจกำลังพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่าเป็นใคร พร้อมทั้งอยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด โดยเฉพาะในช่วงเวลาเกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว่าผู้ร่วมขบวนการ 3 คน โดยคนหนึ่งเป็นคนขับรถใช้รถยนต์ (ยี่ห้อฮอนด้า เอชอาร์วี) สีขาว พาผู้หญิงไปส่งที่ธนาคารภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จากนั้นขับรถพาผู้ชายไปส่งบริเวณร้านทอง ซึ่งหากจับกุมผู้หญิงได้ก่อนจะควบคุมตัวมาสอบสวนขยายผล ก็น่าจะติดตามเพื่อนร่วมขนวนการได้ง่ายขึ้น
และในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นอกจากร้านทองในจังหวัดหนองคาย ยังมีร้านทองอีกหลายเจอเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกัน อย่างร้านทองที่จังหวัดบุรีรัมย์ เจ้าของร้าน เผยว่า เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีชายรูปร่างผอม บุคลิกคล้ายกับชายที่ก่อเหตุในร้านทองที่จังหวัดหนองคาย ทำทีมาติดซื้อทองบอกว่าจะซื้อฝากญาติพี่น้อง น้ำหนัก 200 บาท มูลค่า 5.8 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเช็ค แต่พอตรวจสอบไม่มียอดเงินเข้าบัญชีของร้าน จึงไม่ได้มอบทองกับคนร้าย
เช่นเดียวกับร้านทองอีกร้านที่จังหวัดสุรินทร์ เจอเหตุการณ์เหมือนกันเลย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชายรูปร่างผอม มาคนเดียว เข้ามาติดต่อซื้อทองคำนำ้หนัก 200 บาท โดยสงสัยว่าน่าจะเป็นคนร้ายคนเดียวกันด้วย เพราะมาอุบายเดิม ๆ บอกเจ้าของร้านว่าจะซื้อไปฝากญาติ แต่จากประสบการณ์ขายช่ำชอง เจ้าของร้านไม่หลงกล จึงไม่เสียรู้
ด้าน สมาคมค้าทองคำ เตือนร้านทองทั่วประเทศ ช่วงราคาทองคำผันผวน ให้ระมัดระวังมิจฉาชีพอาศัยช่องโหว่ หลอกซื้อทองคำด้วยเช็คเงินสด
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ออกมาเตือนร้านทองให้ระวังมิจฉาชีพหลอกซื้อทองคำ โดยใช้ช่องว่างของขั้นตอนการชำระค่าสินค้าด้วยเช็คเรียกเก็บจากธนาคาร หรือ เคลียริงเช็ค ซึ่งมีร้านทองหลายร้านไม่ทันระวังและเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะการซื้อขายในมูลค่าที่สูง ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินเข้าบัญชีแล้ว พร้อมขอบัตรประจำตัวประชาชนจากผู้ซื้อ และออกใบกำกับภาษีไว้เป็นหลักฐาน เพื่อป้องกันการเรียกตรวจสอบจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ในส่วนของ สมาคมค้าทองคำ มีร้านทองเป็นสมาชิกกว่า 2,000 ร้านทั่วประเทศ พบมีกรณีดังกล่าวไม่มาก เนื่องจากทางสมาคมมีการแจ้งเตือนอย่างสม่ำเสมอ