หนุ่มเจอด่านค้นรถ เจอการบูรอ้างเป็นยาเค ใส่กุญแจมือ-ชกหน้า พี่สาวกับแม่ไปโรงพัก เจอตำรวจพูดว่า มึงไม่จบใช่มั้ย ถ้ามึงไม่จบเดี๋ยวมึงเจอกู ข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาด COVID-19
จากกรณีที่ทางญาติของผู้เสียหายได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 7 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ขณะที่น้องชายตนได้ขับรถเก๋งกลับจากไปหาแฟนที่ลุมพินี หลังจากที่ลงจากทางด่วนมาถึงบริเวณถนนสุขุมวิทก่อนถึงทางเข้าซอยแบริ่ง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ มุ่งหน้าเข้าปากน้ำ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจอยู่ น้องชายตนได้จอดรถห่างจากด่านประมาณ 500 เมตร เพื่อแชทคุยกับแฟนสาว ระหว่างนั้นได้มีอาสาได้ขี่รถจักรยานยนต์มาเคาะกระจกประตูเรียกและขอตรวจค้นรถและอ้างว่าเจอยา ก็เลยโทรตามตำรวจมา เขาบอกว่าเจอยาในรถ น้องชายตนก็ตกใจ เขาก็เลยรีบโทรศัพท์หาแม่และพูดทำนองว่าตำรวจยัดยา และตำรวจก็จับใส่กุญแจมือตั้งแต่นั้นเลย และเขาก็พยายามจะให้น้องตนไปชี้ตรงจุดที่อ้างว่าเจอยา แต่น้องตนก็ไม่ยอมไปชี้ เพราะน้องชายตนมั่นใจว่าไม่ใช่ของตน ก็เลยถูกเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวทำร้ายชกเข้าที่หน้าไป 2 ครั้งและอาสาก็เข้ามาทุบที่กลางหลัง
หลังจากนั้นเขาก็คุมขึ้นรถขับมาที่ด่าน และก็ล็อกกุญแจมืออยู่ที่ด่านประมาณ 3-4 ชั่วโมง พอทางบ้านทราบก็เลยรีบไป และก็ไปถามว่าน้องโดนอะไรอย่างไร และก็มีตำรวจคนหนึ่งใส่เหมือนนอกเครื่องแบบ บอกโดนเป็นประเภท 2 เป็นยาเคตามีนและเขาก็ยืนยันว่าไม่ได้เสพแต่มันดมเข้าจมูก เราก็เลยขอตรวจซ้ำ ซึ่งเราก็สอบน้องชาย เข้าก็ยืนยันว่าเพิ่งเลิกงานมาและก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เขาก็ทิ้งไว้แบบนั้น 3-4 ชั่วโมง เราก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอย่างไร ซึ่งก็มีคนเดินมาถามว่าไม่อยากไปประกันที่โรงพักเหรอ แต่ตนก็ไม่ได้ตอบอะไร แต่ขอตรวจซ้ำ เพราะตอนที่ตรวจครั้งแรกน้องตนก็ไม่เห็นว่ามันขึ้นขีดหรือไม่ เพราะพอเขาตรวจก็ดันขึ้นรถเลยโดยบอกว่ามียาเสพติด เขาแจ้งแค่ว่า มึงมียาเสพติดเขาก็ใส่กุญแจเลย แต่ก็ยังไม่ยอมเอามาโรงพัก เราไปนั่งรอมา 3-4 ชั่วโมงคือนานมาก
เราก็เลยขอดูยาที่อ้างว่าเจอในรถ เพราะเขายืนยันว่าเป็นยาเค 4 จี เขาก็เอามาให้ดูและเขาก็บอกว่าเจอยาไอซ์ในรถ แม่ตนบอกว่าไม่น่าใช่ ก็เลยขอดมหน่อย พอเอามาดมก็พบว่าเป็นการบูรของแม่ที่ใส่ไว้ในเก๊ะหน้ารถ ทางตำรวจยังบอกว่าถ้าเป็นการบูรก็ไม่เป็นไรแต่ในตัวเขามีสารเสพติดอยู่และประเภท 1 ซึ่งตอนแรกบอกประเภท 2 แต่เขาก็ยืนยันว่าประเภท 1 ยาบ้า ก็เลยถามว่าถ้าตรวจซ้ำแล้วจะยังเจออยู่หรือเปล่า เขาก็บอกว่ายังเจอเราก็เลยขอตรวจซ้ำต่อหน้า เขาก็ไปยืนปรึกษาอะไรกันสักพักเขาก็มาตรวจให้ แต่ไม่พบว่ามีสารอะไรอยู่ในร่างกาย จึงได้ถามเขาแต่เขาก็บ่ายเบี่ยงไม่พูดด้วย แต่เขากลับทำโมโหเพื่อกลบเกลื่อนว่า มึงอย่าเอาคำว่าพวกกูยัดยา ก่อนที่เขาจะปล่อยตัวกลับมา
เราก็เลยไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลในเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย ก่อนไปลงบันทึกประจำวัน แต่ก็มีตำรวจมาพูดว่าไม่ต้องลงหรอกเดี๋ยวไปเป็นคนกลางให้ แม่ยังยืนยันว่าจะขอลง ตำรวจคนดังกล่าวก็บอกว่า ถ้าอยากลงก็ไปเลยพร้อมทั้งดันเข้าห้อง ซึ่งตอนนั้นมีตำรวจอยู่ 6-7 คน เราเป็นผู้หญิงเราก็กลัวมันก็ไม่น่าไว้ใจ และมีเสียงพูดมาว่ามึงไม่จบใช่มั้ย เราก็เลยเดินลงมาที่รถ และก็ยังตามมาเคาะกระจก แม่ก็เปิดกระจก และเขาก็พูดว่ามึงไม่จบใช่มั้ย ถ้ามึงไม่จบเดี๋ยวมึงเจอกู เราก็เลยรีบขับรถกันออกมา ตนก็เลยติดใจว่าตอนที่เจอทำไมไม่ตรวจว่าเป็นอะไรกันแน่ ไม่คิดว่าจะดูอะไรกันเลยเหรอ เพราะกรณีแบบนี้ถ้าไม่มีที่บ้านไปยืนยันว่าจะขอดูอะไรต่างๆ และพาไปโรงพักแล้วเด็กจะไม่เสียอนาคตเหรอ ตนก็เลยคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ด้าน พ.ต.อ.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ สมุทรปราการ ได้กล่าวว่า เบื้องต้นตนได้รับทราบจากข่าวที่นำเสนอ และก็ได้มีการเรียกเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจ้งรายละเอียด และได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้โดยละเอียด หากพบว่าเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องก็จะต้องมีการลงโทษลงทัณฑ์ ส่วนในเรื่องที่ว่าไม่ยอมรับแจ้งความนั้นจากการตรวจสอบเบื้องต้นจากกล้องวงจรปิดในโรงพักและสอบถามร้อยเวรที่เกี่ยวข้องแล้วเชื่อว่าน่าจะเป็นการคลาดเคลื่อนในเรื่องการสื่อสารกับผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตามตัวน้องผู้เสียหายและญาติเขามาสอบปากคำโดยละเอียด ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการการสอบสวนคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน ถ้ายังไม่เสร็จสิ้นก็จะมีการขยายเวลาออกไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
No comments:
Post a Comment